9 วิธีเลี้ยงแมวในบ้าน เลี้ยงอย่างไรให้เจ้าเหมียวแฮปปี้

วิธีเลี้ยงแมวในบ้านให้มีความสุข 9 วิธีที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ จะทำอย่างไรให้เจ้าเหมียวของเราแฮปปี้ได้บ้าง ตามไปดูกันเลยค่ะ

การเลี้ยงแมวในคอนโด ห้องพัก หรือในบ้านมักจะมีข้อจำกัดหลาย ๆ อย่าง แตกต่างจากการเลี้ยงแบบปล่อย เพราะมีพื้นที่กว้าง ๆ ให้ได้วิ่งเล่นและเจอสภาพแวดล้อมที่หลากหลายกว่า ดังนั้นแล้ววิธีเลี้ยงเจ้าเหมียวในบ้านจึงค่อนข้างที่จะต้องเอาใจใส่มากขึ้นไม่อย่างนั้นอาจทำให้แมวเหมียวอารมณ์ดีกลายเป็นเหมียวขี้เหงาได้ และสำหรับวิธีเลี้ยงแมวในบ้านให้มีความสุข วันนี้กระปุกดอทคอมได้รวบรวมมาฝากกันแล้วค่ะ

บทความเกี่ยวกับแมว

  1. มีมุมให้นั่งกินลมชมวิว

สำหรับที่นั่งชมวิวของเจ้าเหมียวตามเมืองนอกมักจะนิยมทำ screened porch หรือระเบียงเล็ก ๆ ที่คล้ายกับเรือนกระจกหน้าบ้านเอาไว้ให้เจ้าเหมียวนั่งกินลมชมวิว มองนกในสนามหญ้าหน้าบ้าน ซึ่งจะทำให้เจ้าเหมียวปลอดภัยกว่าการออกไปนั่งเล่นนอกบ้าน หากทาสแมวคนไหนที่มีงบน้อย สามารถทำที่ชมวิวแบบง่าย ๆ ได้ด้วยการติดชั้นวางของติดผนังตามขอบหน้าต่างแล้วหาเบาะนุ่ม ๆ มาวาง แค่นี้ก็จะได้มุมชมวิวให้เจ้าเหมียวแล้ว

  1. วางคอนโดแมวให้เจ้าเหมียวลับเล็บ

อีกปัญหาหนึ่งที่ทาสแมวต้องเจอก็คือ รอยขีดข่วนตามเฟอร์นิเจอร์อันมาจากคมเล็บของเจ้าแมว ไม่ใช่ว่าพวกมันนิสัยเสีย ชอบทำลายข้าวของอะไรหรอกนะ แต่นั่นเป็นธรรมชาติของเจ้าเหมียวที่ต้องลับเล็บตลอดเวลา ดังนั้นแล้วทาสแมวควรหาที่ลับเล็บมาไว้ให้เจ้าเหมียวด้วย ซึ่งคอนโดแมวก็ตอบโจทย์เป็นอย่างดี เจ้าเหมียวจะได้ทั้งปีนป่ายเล่นและลับเล็บไปพร้อม ๆ กัน สามารถซื้อหาได้ตามร้านเพ็ทช็อปหรือจะ DIY เองก็ไม่ยาก

  1. มีของเล่นหลากหลาย

แมวที่เลี้ยงแบบปล่อยจะมีพัฒนาการด้านต่าง ๆ ที่ค่อนข้างเร็วกว่าแมวที่เลี้ยงในบ้าน เนื่องจากได้ออกไปสำรวจและทำกิจกรรมต่าง ๆ อย่างอิสระ สำหรับเจ้าเหมียวที่อยู่ในบ้านนั้นจะมีข้อกำจัดในเรื่องนี้ แต่ทั้งนี้เจ้าของสามารถกระตุ้นประสาทสัมผัสต่าง ๆ ของเจ้าเหมียวได้ด้วยของเล่น โดยให้เลือกของเล่นที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นไม้ล่อแมว ตุ๊กตาหนู หรืออาจจะเป็นของที่หาได้ง่าย ๆ อย่างเช่น ถุง หรือ กล่อง เป็นต้น

  1. ปลูกหญ้าแมวให้เจ้าเหมียวเคี้ยวเล่น

ทาสแมวหลายคนคงจะคุ้นเคยและรู้กันดีว่า เจ้าเหมียวจะชอบดมและเคี้ยวต้นหญ้าหรือต้นไม้เล็ก ๆ เล่นเพื่อรักษาสุขภาพของตัวเอง สำหรับบ้านหรือคอนโดที่ไม่มีสนามหญ้าให้เจ้าเหมียวได้ออกไปเคี้ยวเล่น ให้ปลูกหญ้าแมวใส่กระถางเล็กตั้งไว้ในบ้านแทน ซึ่งต้นไม้ที่แมวชอบกิน ได้แก่ ต้นไผ่เงิน ต้นข้าวสาลีอ่อน เป็นต้น

  1. เปิดทีวีให้ดู

แมวเป็นสัตว์ที่สนใจและตื่นตัวกับสิ่งที่เคลื่อนไหวได้ อย่างใบไม้และนกบนต้นไม้ข้างหน้าต่างพวกเจ้าเหมียวอาจนั่งมองได้นานสองนาน แต่สำหรับตามหน้าต่างคอนโดสูงอาจจะไม่มีนกไม่มีใบไม้ให้แมวได้นั่งมอง ซึ่งภาพเคลื่อนไหวในทีวีก็ทำให้พวกเจ้าเหมียวนั่งดูเพลิน ๆ ได้เหมือนกัน

  1. มีเวลาเล่นด้วย

เนื่องจากแมวเป็นสัตว์สังคมและชอบเล่น เจ้าของก็ควรมีเวลามาเล่นกับเจ้าเหมียวทุกวัน ไม่ใช่ปล่อยให้เจ้าเหมียวเล่นกับของเล่นแค่อย่างเดียว ของเล่นแมวมีเท่าไรก็ขนออกมาเล่นกับเจ้าเหมียวให้หมดค่ะ ยิ่งหลากหลายเจ้าเหมียวยิ่งชอบ จะได้เล่นของเล่นหลายแบบและไม่เบื่อด้วย

  1. พาออกไปเปิดหูเปิดตา

การเลี้ยงแมวในบ้านไม่ใช่ปล่อยเจ้าเหมียวไว้ในบ้านอย่างเดียว แต่ควรพาเจ้าเหมียวไปเปิดหูเปิดตาบ้าง สำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในย่านที่สุนัขไม่เพ่นพ่าน ก็สามารถจูงเจ้าเหมียวไปเดินเล่นตามสวนสาธารณะได้ โดยก่อนจะพาเจ้าเหมียวออกไปเดินเล่นนอกบ้านควรจะฝึกให้คุ้นเคยกับการใส่สายจูงคล้องคอตอนเดินซะก่อน หรือถ้าแถวบ้านใครเจ้าถิ่นคุม เจ้าตูบในซอยบ้านเยอะ อาจจะพาเจ้าเหมียวไปขับรถเล่นแทนก็ได้

  1. ทำความสะอาดสม่ำเสมอ

ไม่มีใครรู้ซึ้งถึงกลิ่นมูลแมวได้เท่ากับทาสแมวอีกแล้ว ทรายแมวที่ช่วยดับกลิ่นบางครั้งยังเอาไม่อยู่ สำหรับแมวที่เลี้ยงแบบเปิดอาจจะไม่หนักใจกับเรื่องนี้เท่าไร เนื่องจากเจ้าเหมียวจะออกไปขับถ่ายนอกบ้านอยู่แล้ว วิธีการลดกลิ่นสำหรับแมวที่เลี้ยงในบ้าน สามารถทำได้ด้วยการตักสิ่งขับถ่ายออก เติมและหรือเปลี่ยนทรายแมว หมั่นทำความสะอาดกระบะที่เจ้าเหมียวใช้เป็นประจำ รวมถึงการเลือกอาหารที่ช่วยลดกลิ่นมูลแมวก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยได้เช่นกัน

  1. อาหาร

การเลือกอาหารให้เจ้าเหมียวเป็นสิ่งสำคัญ เพราะแมวเป็นสัตว์กินเนื้อ (carnivore) อาหารที่เหมาะสมจึงควรมีสัดส่วนของโปรตีนที่สูงและมีสารอาหารที่ครบคุณค่าตรงตามความต้องการของแมวแต่ละช่วงวัย โดยอาหารที่เลือกจะต้องมีโปรตีนที่ดีมีคุณภาพ อย่างเช่น อาหารแมวสำเร็จรูปที่มีวัตถุดิบหลักจากไก่ ซึ่งเป็นโปรตีนคุณภาพดี และข้าวแหล่งคาร์โบไฮเดรตที่ย่อยง่าย และร่างกายเจ้าเหมียวสามารถดูดซึมนำสารอาหารไปใช้ประโยชน์ได้ดี

นอกจากนี้ต้องเลือกให้เหมาะสมกับอายุและ lifestyle ของเจ้าเหมียวด้วย อย่างเช่น ถ้าเป็นแมวที่เลี้ยงในบ้าน ก็ควรเลือกอาหารสูตรที่เหมาะกับแมวที่เลี้ยงในบ้านโดยเฉพาะ แมวเลี้ยงในบ้าน อาหารที่มีส่วนผสมของสารสกัดยัคคาที่ช่วยลดกลิ่นมูลของเจ้าเหมียว ลดกลิ่นปาก เพื่อสุขภาพเหงือกและฟันที่ดีด้วยโซเดียม เฮกซะเมทตาฟอสเฟทและเส้นใยเซลลูโลส เพราะเจ้าเหมียวต้องอยู่ใกล้ชิดกับเรา สุขอนามัยและสภาพแวดล้อมจึงเป็นเรื่องสำคัญ

บทความแนะนำ : แจ็ค รัสเซลล์ เทอร์เรีย สุนัข แสนซน

แจ็ค รัสเซลล์ เทอร์เรีย สุนัข แสนซน

แจ็ค รัสเซลล์ เทอร์เรีย เจ้าตูบตัวจ้อย ฉลาด น่ารัก แต่แอบซนสุด ๆ

ใครที่ชื่นชอบเจ้าตูบพันธุ์เล็กละก็ ตามมาทางนี้เลย เพราะวันนี้เรามีเจ้าตูบตัวจ้อย ฉลาด น่ารัก แต่แอบซนสุด ๆ มาแนะนำกัน นั่นคือ สุนัข พันธุ์แจ็ค รัสเซลล์ เทอร์เรีย (Jack Russell Terrier) นั่นเอง

แจ็ค รัสเซลล์ เทอร์เรีย (Jack Russell Terrier) สุนัขพันธุ์นี้มีถิ่นกำเนิดในประเทศอังกฤษ ถูกเพาะพันธุ์ขึ้นมาเมื่อราวปี ค.ศ. 1814 โดยศาสนจารย์ แจ็ค รัสเซลล์ เทอร์เรีย ผู้ชื่นชอบการไล่ล่าสุนัขจิ้งจอก เขาต้องการสุนัขสายพันธุ์เทอร์เรียร์ขนาดเล็ก ที่จะใช้ไล่ล่าสุนัขจิ้งจอก จนกระทั่งได้สุนัขเทอร์เรียเพศเมียมาตัวหนึ่งชื่อ “ทรัมพ์” จากคนส่งนม ศาสนจารย์ แจ็ค รัสเซลล์ เทอร์เรีย จึงใช้ทรัมพ์เป็นพื้นฐานจนเพาะพันธุ์ได้เป็น แจ็ค รัสเซลล์ เทอร์เรีย ขึ้นมาในที่สุด

ทั้งนี้ ในยุคแรก ๆ สุนัข แจ็ค รัสเซลล์ เทอร์เรีย มีความสูงเฉลี่ย 35 เซนติเมตร แต่เมื่อเวลาผ่านไปได้มีการพัฒนาสายพันธุ์จนได้ สุนัข แจ็ค รัสเซลล์ เทอร์เรีย ที่มีขนาดเล็กลง และมี 2 สายพันธุ์ คือ พาร์สัน แจ็ค รัสเซลล์ เทอร์เรีย และ แจ็ค รัสเซลล์ เทอร์เรีย

ลักษณะทั่วไป สุนัข แจ็ค รัสเซลล์ เทอร์เรีย

สุนัข แจ็ค รัสเซลล์เทอร์เรีย มีลักษณะขน 3 ประเภทคือ ขนเรียบ ขนแตก และขนหยาบ ลักษณะที่ดีของ สุนัข แจ็ค รัสเซลล์ ทอร์เรีย คือควรจะมีกะโหลกโต หูต้องเป็นรูปตัว V และตกไปทางด้านหน้า จมูกและริมฝีปากต้องมีสีดำ ตาควรเป็นสีน้ำตาลเข้มรูปถั่วอัลมอนด์ แฝงด้วยแววตาขี้เล่นและขี้สงสัย ขาต้องตรงและมีกล้ามเนื้อที่ต้นขา หางต้องสั้นและชี้ขึ้น

อย่างไรก็ตาม ขนของสุนัข แจ็ค รัสเซลล์ ควรจะมีสีขาวตั้งแต่ 51% หรือมากกว่าขึ้นไปในร่างกาย และมีมาร์คกิ้งเป็นสีน้ำตาลหรือดำ หรือทั้งน้ำตาลและดำ หรือเรียกว่า “TRI COLOURED MARKING” ซึ่ง สุนัข แจ็ค รัสเซลล์ เทอร์เรีย ส่วนใหญ่จะพบที่บนใบหน้า รอบตา หู ที่ก้นถึงหางและเล็กน้อยบนลำตัว

สัตว์เลี้ยง-สุนัขแสนซน

ลักษณะนิสัยแจ็ค รัสเซลล์ เทอร์เรีย

สุนัข พันธุ์นี้สามารถมีชีวิตได้นานถึง 14 ปี แจ็ค รัสเซลล์ เทอร์เรียร์ เป็นนักล่าตัวเล็ก ๆ ที่ยอดเยี่ยม พวกเขาเป็นสุนัขที่ฉลาด ซึ่งเห็นได้ชัดจากการที่เขาเชื่อฟังคำสั่งของเจ้านายได้อย่างน่าประทับใจ โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในสนามแข่งขัน โดยในอดีต แจ็ค รัสเซลล์ จะไล่ล่าไปตั้งแต่สุนัขจิ้งจอกจนถึงหนูตัวเล็ก ๆ พวกเขาจะใช้เวลาในการสำรวจพื้นที่ก่อนจะทำการไล่ล่า เพื่อความแม่นยำ

นอกจากนี้ สุนัข แจ็ค รัสเซลล์ เทอร์เรีย ยังเข้ากันได้ดีกับสัตว์เลี้ยงชนิดอื่น ๆ เหมาะเป็นทั้งสุนัขที่เลี้ยงในบ้าน และก็สามารถพาออกไปนอกบ้านได้อย่างไม่มีปัญหา อย่างไรก็ตาม ด้วยธรรมชาติความอยากรู้อยากเห็นจนถึงขั้นซนของ แจ็ค รัสเซลล์ ทำให้ผู้เลี้ยงจำเป็นที่จะต้องให้เขาอยู่ในสถานที่ที่ซึ่งมีรั้วรอบขอบชิดเป็นอย่างดี

เรื่องควรรู้ก่อนคิดเลี้ยง สุนัข แจ็ค รัสเซลล์ เทอร์เรีย

1. แจ็ค รัสเซลล์ เทอร์เรีย เป็นสุนัขตื่นตัวตลอดเวลา มันควรได้รับการออกกำลังกายอย่างเต็มที่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นควรอยู่ในความควบคุมดูแลและควรได้รับการฝึกสอนจากเจ้าของ หรือครูฝึก

2. แจ็ค รัสเซลล์ เทอร์เรีย เป็นสุนัขที่ต้องการการเอาใจใส่ดูแลและเวลาจากเจ้าของอย่างมาก เนื่องจากเป็นสุนัขที่ชอบเข้าสังคมและขี้เล่น

3. ผู้เลี้ยง สุนัข พันธุ์แจ็ค รัสเซลล์ เทอร์เรีย ควรจัดระบบการเลี้ยงให้ถูกต้อง เช่น ต้องมีรั้วรอบขอบชิด เพราะ สามารถกระโดดได้สูงมาก รวมถึงปีนป่าย แม้กระทั่งขุดรูเพื่อหนีเที่ยวถ้ามันรู้สึกเบื่อหรืออยากหาอะไรสนุกตื่นเต้นทำ

4. เพื่อความปลอดภัยของ สุนัข ผู้เลี้ยง แจ็ค รัสเซลล์ ควรจะใช้สายจูงตลอดเวลาที่พาไปเดินเล่น เนื่องจาก แจ็ค รัสเซลล์ เทอร์เรีย เป็นสุนัขที่มีความรวดเร็วและคล่องตัวสูงมาก

แนะนำข่าวสัตว์เลี้ยง อ่านเพิ่มเติมคลิ๊กเลย : แมวกัดจมเขี้ยว ชะล่าใจแผลเล็กเท่ารอยข่วน แบคทีเรียทำอาการทรุดหนัก

แมวกัดจมเขี้ยว ชะล่าใจแผลเล็กเท่ารอยข่วน แบคทีเรียทำอาการทรุดหนัก

แมวกัดจมเขี้ยว ชะล่าใจแผลเล็กเท่ารอยข่วน แบคทีเรียทำอาการทรุดหนัก

หญิงสูงวัยถูกแมวกัดจมเขี้ยว หลังพยายามห้ามแมวที่กำลังกัดกัน จนเป็นรอยช้ำบริเวณน่อง แม้ไปหาหมอแล้ว แต่อาการไม่ดีขึ้น หลังจากนั้น 7–8 วัน แผลมีหนองจากอาการติดเชื้อ ทำให้กังวลว่าแผลจะลุกลาม ส่วนสัตวแพทย์ เตือนแบคทีเรียบริเวณฟันและเล็บมีหลายร้อยชนิด เมื่อถูกกัดอาจมีอาการติดเชื้อรุนแรง โดยเฉพาะเด็กเล็ก ไม่ควรปล่อยให้อยู่กับแมวเพียงลำพัง

แมวกัดจมเขี้ยว

กลายเป็นประเด็นที่ทาสแมวคาดคิดไม่ถึง เมื่อหญิงสูงวัยรายหนึ่ง ขณะพักผ่อนอยู่ในบ้านพัก ได้ยินเสียงเคาะประตู จึงเดินมาเปิดประตูหน้าบ้าน พบแมวสองตัวกำลังกัดกัน เลยเข้าไปห้าม แต่ถูกแมวตัวหนึ่งกัดจมเขี้ยวแบบไม่ยอมปล่อย ทำให้มีแผลจากรอยกัดตามร่างกาย ที่หนักสุดคือ แผลบริเวณน่อง

โดยหญิงรายดังกล่าวเมื่อถูกกัด ได้ตะโกนขอความช่วยเหลือ และลูกชายได้พาไปพบแพทย์ ซึ่งบริเวณรอยที่ถูกกัดเริ่มมีอาการปวดบวม หลังจากนั้นอีก 7-8 วัน รอยกัดเริ่มเห็นเป็นเขี้ยวชัด แต่อาการปวดบวมกลับหนักขึ้น เมื่อไปพบแพทย์ได้ทำการผ่าเอาหนองออก และให้ยาฆ่าเชื้อ ซึ่งทางญาติยังมีความเป็นห่วงว่า บาดแผลจะลุกลาม เนื่องจากหญิงรายดังกล่าวมีโรคประจำตัวเช่น เบาหวาน ความดัน และโรคพุ่มพวง

กรณีนี้เมื่อมีการโพสต์ในโลกออนไลน์ ได้มีชาวเน็ตถกเถียงกันถึงการป้องกัน โดย “ผศ.สพญ. ดร.จุฑามาส เบ็ญจนิรัตน์” อาจารย์สัตวแพทย์ประจำคลินิกพฤติกรรมสุนัขและแมว โรงพยาบาลสัตว์เล็ก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยกับ “ทีมข่าวเจาะประเด็น ไทยรัฐออนไลน์” ว่า โดยปกติบริเวณปากและฟันของแมวมีแบคทีเรียหลายร้อยชนิด เมื่อถูกกัดจะมีอาการติดเชื้อ ทำให้แผลอักเสบมีหนอง หากไม่ดูแลอาจจะมีอาการลุกลามได้ อาการลักษณะนี้ไม่ได้เกิดกับคนที่ถูกแมวกัดเท่านั้น แต่แมวที่กัดกันเอง ก็มีอาการเช่นเดียวกัน

“เชื้อแบคทีเรียที่อยู่ในปากแมวป้องกันยาก หลายคนเมื่อถูกกัดแล้วไม่รู้สึก เพราะแผลจากรอยเขี้ยวแมวมีรูขนาดเล็ก เลยไม่ไปหาหมอ หรือบนปากแผลตกสะเก็ด แต่ภายในมีการติดเชื้อ เพราะแบคทีเรีย ทำให้เกิดการอักเสบและมีหนอง ส่วนความเชื่อที่ว่าถ้าฉีดวัคซีนให้แมวแล้ว จะไม่มีเชื้อแบคทีเรีย เป็นความคิดที่ผิด เพราะการฉีดวัคซีน ช่วยป้องกันเชื้อพิษสุนัขบ้าในแมวไม่ให้ติดต่อสู่คน แต่ไม่สามารถป้องกันเชื้อแบคทีเรียได้”

ลักษณะการถูกแมวกัด ส่วนใหญ่ถูกขณะอุ้มแมว แล้วน้องตกใจงับแขนได้ หรือแมวที่ซนอาจกระโดดงับขาก็ได้ ขณะที่แมวที่อยู่ในช่วงวัยเด็ก จะมีโอกาสกัดได้บ่อยกว่าช่วงวัยอื่น เพราะบางครั้งแมวอาจจะเล่นแล้วเผลอกัดจริง โดยช่วงเวลาที่แมวมักจะกัดเจ้าของจะเป็นช่วงเวลาที่ไปบังคับให้แมวทำบางอย่าง เช่นระหว่างป้อนยา

“ลูกแมวที่ไม่ได้โตมากับแม่หรือพี่น้อง มีโอกาสกัดเจ้าของได้รุนแรง เพราะน้องไม่ได้ถูกสอนให้เรียนรู้เรื่องเหล่านี้ ขณะเดียวกันคนไข้บางรายที่ถูกเล็บแมวข่วนก็มีโอกาสติดเชื้อได้เหมือนกัน เพราะบนเล็บของแมวก็มีเชื้อแบคทีเรียซ่อนอยู่”

การป้องกันไม่ให้ถูกแมวกัด เจ้าของต้องเพิ่มความระมัดระวังช่วงเวลาที่บังคับให้แมวทำพฤติกรรมบางอย่าง หากถูกกัดต้องรีบล้างแผลให้สะอาด ถ้าเป็นแผลลึกลักษณะเขี้ยวจมลงบนผิวหนัง ควรพบแพทย์ หากมีอาการรุนแรงมากขึ้น ต้องไปพบแพทย์อีกครั้ง

“คนที่เลี้ยงแมว ควรใช้ความระมัดระวังระหว่างเล่นกับน้อง หากเล่นจนรู้สึกว่าสนุกมากเกินไป อาจต้องหยุดเล่นก่อน ขณะเดียวกันผู้ปกครองไม่ควรปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่กับเด็กเพียงลำพัง เพราะปกติอุปนิสัยของแมวจะไม่กระโดดกัดคนก่อน แต่ถ้าเป็นเด็กอาจไปดึงหาง หรือทำให้แมวตกใจ จนถูกกัดเป็นแผลติดเชื้อ”

การป้องกันอันตรายจากการถูกกัดและข่วนจากแมวสามารถป้องกันได้ หากผู้ที่เลี้ยงรู้จักสังเกตและเรียนรู้พฤติกรรมของแมว จึงไม่อยากให้วิตกกังวลเรื่องนี้จนเกินไปจนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตร่วมกันของคนกับแมวได้.