ศิริราชขอคืนเงิน 3 ล้านให้ “ชูวิทย์” ห่วงที่มาผิดกฎหมาย

คณบดีศิริราช แถลง คืนเงินบริจาค 3 ล้านบาท ให้ “ชูวิทย์” หลังมีข้อมูลเกี่ยวข้องกับธุรกิจผิดกฎหมาย

ขณะที่ “ทนายษิทรา” เปิดหลักฐานเพิ่ม เป็นภาพขณะกลุ่มบุคคลนำถุงเงินไปให้ “ชูวิทย์”

วันนี้ (24 มี.ค.2566) ศ.นพ.อภิชาติ อัศวมงคลกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล แถลงข่าวกรณี แสดงความจำนงคืนเงินบริจาคที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ มอบเงินบริจาคให้คณะแพทยศาสต​ร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เมื่อวันที่ 15 มี.ค. ที่ผ่านมา จำนวน 3,000,000 บาท ซึ่ง ศ.นพ.อภิชาติ ระบุว่าเป็นคนรับมอบเอง

ข่าวสังคมออนไลน์

ข้อมูลเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า เมื่อพบว่าเงินอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจผิดกฎหมาย ทางโรงพยาบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ จึงติดต่อนายชูวิทย์ เพื่อคืนเงินให้เร็วที่สุด

ส่วนเงินที่นายชูวิทย์นำมาบริจาคเป็นแคชเชียร์เช็ค นายชูวิทย์ ได้แจ้งว่า เงินบริจาคมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยงานของภาควิชากายวิภาคศาสตร์ โรงพยาบาลศิริราช

ทั้งนี้ การรับเงินบริจาคทางโรงพยาบาลศิริราชไม่มีหลักเกณฑ์ใด ๆ ขึ้นอยู่ที่ความตั้งใจของผู้มาบริจาค เพราะโรงพยาบาลศิริราชเป็นการแพทย์ของแผ่นดิน มีคนไข้ที่เข้ารับการรักษาจำนวนมาก ทางโรงพยาบาลนำเงินไปช่วย ผู้บริจาคระบุว่าระบุเฉพาะว่าจะนำไปช่วยอะไร เช่น การช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส การศึกษา การวิจัย หรือการก่อสร้าง ทางโรงพยาบาลก็จะนำเงินช่วยตามวัตถุประสงค์ของผู้บริจาค อย่างตรงไปตรงมา

ขณะที่เมื่อช่วงเช้า นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความ ได้โพสต์ภาพในเฟซบุ๊ก เพิ่มกรณีปมเงินแฉไปไถไป ในภาพปรากฏสถานที่ และตัวบุคคล พร้อมถุงที่อ้างว่าใช้ใส่เงิน ที่นายษิทรา เชื่อว่าน่าจะเกิน 6,000,000 บาท ที่นายชูวิทย์ ออกมายอมรับว่า รับมาจากคนในกลุ่มของสาวรวัตรซัว โดยนายษิทรา ยังระบุว่า เงินจำนวนนี้ส่งให้กันตั้งแต่ปีที่แล้ว

ด้านนายชูวิทย์ วันนี้ก็มีนัดสื่อมวลชนชี้แจงกรณีอีกเช่นเคย ในเวลา 12.30 น. หลังไปรณรงค์ต่อต้านกัญชาที่เขตจตุจักร

ข่าวแนะนำ : อย่าหลงเชื่อ ตุ๋นแรงงานไปสวีเดนหัวละ 8 หมื่นบาท

อย่าหลงเชื่อ ตุ๋นแรงงานไปสวีเดนหัวละ 8 หมื่นบาท

อย่าหลงเชื่อ ตุ๋นแรงงานไปสวีเดนหัวละ 8 หมื่นบาท เหยื่อสาวแฉหมดเปลือกโกงยังไง

เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2566 ขณะที่ พ.ต.ท.บำรุง แนบชิดชัย รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ปฎิบัติหน้าที่อยู่บนโรงพัก มี น.ส.กิตติวรา อายุ 44 ปี และ น.ส.ชนกชนม์ อายุ 19 ปี แจ้งว่า โดน น.ส.ชุติญา หลอกว่าสามารถพาไปทำงานประเทศสวีเดนได้ โดยเสียค่าดำเนินการคนละ 8 หมื่นบาท แต่สุดท้ายไม่ได้ไป และไม่คืนเงิน จึงมาแจ้งความดำเนินคดีจนถึงที่สุด

น.ส.กิตติวรา เล่าว่า ตนเคยเดินทางไปทำงานประเทศไต้หวัน 15 ปี กระทั่งอายุเกินและหมดโควต้าเดินทางไปทำงาน จึงอยู่บ้านทำไร่ทำนา เมื่อเดือนมิถุนายน 2565 ได้มีเพื่อนในหมู่บ้านโนนดู่ มาเล่าให้ฟังว่า จะเดินทางไปทำงานโรงงานที่ประเทศสวีเดน โดยสมัครกับ น.ส.ชุติญา ซึ่งมีสามีเป็นชาวสวีเดน และทำงานเป็นวิศวกรโรงงาน และจะต้องเสียค่าดำเนินการ 8 หมื่นบาท มีคนสนใจมาสมัครไปทำงานด้วยจำนวนมาก ตนอยากไปจึงชวน น.ส.ชนกชนม์ หลานสาวโทรศัพท์ติดต่อไปยัง น.ส.ชุติญา ซึ่งมีบ้านอยู่กรุงเทพฯ ขอสมัครไปทำงานสวีเดนด้วย ซึ่ง น.ส.ชุติญา ให้พวกตนโอนเงินค่าดำเนินการ 8 หมื่นบาท เกมสล็อต ผ่านบัญชีธนาคารของนางปราณี ซึ่งเป็นญาติ

ตนไม่มีเงินสด จึงนำโฉนดที่ดินไปจำนองกับนายทุน 8 หมื่นบาท คิดดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อเดือน ตนโอนเงินไปให้ น.ส.ชุติญา ผ่านบัญชีธนาคารของ นางปราณี ครั้งละ 4 หมื่นบาท 2 ครั้ง คือวันที่ 20 มิถุนายน และวันที่ 22 มิถุนายน 2565 แถมยังชวนสามีสมัครไปสวีเดนด้วย สรุปว่าตนโอนเงินไป 1.6 แสนบาท หลังจากนั้น น.ส.ชุติญา ได้โทรมานัดเดินทางครั้งแรก วันที่ 4 ตุลาคม 2565 ตนก็จัดกระเป๋าเตรียมตัวเดินทางไปทำงาน แต่สุดท้ายก็โทรว่าเลื่อนการเดินทางเพราะเอกสารไม่เสร็จ นัดครั้งที่ 2 เดินทางวันที่ 25 พฤศจิกายน แต่ก็เลื่อนอีกโดยอ้างว่ารอใบผ่านด่าน รอรัฐบาลใหม่ นัดครั้งที่ 3 กลางเดือนมกราคม 2566 แต่ก็ไม่ได้ไปอีก

“เมื่อโทรศัพท์สอบถาม น.ส.ชุติญา ก็ให้คำตอบไม่ได้ว่า จะได้เดินทางไปทำงานสวีเดนวันไหน และยังทราบอีกว่า มีแรงงาน 18 คนที่โดนหลอกไปลอยแพที่สนามบินสุวรรณภูมิ ตนจึงโทรไปบอกว่าจะถอนใบสมัคร และขอเงินคืน ซึ่ง น.ส.ชุติมา ก็ตอบมาว่า ถอนใบสมัครคืนได้ แต่ไม่มีเงินคืนให้ จึงคิดว่าโดน น.ส.ชุติญาหลอกแน่นอน จึงไปแจ้งความดำเนินคดี และอยากฝากถึง น.ส.ชุติญาว่า ตนไปกู้ยืมเงินมา และต้องเสียดอกเบี้ยทุกเดือน อยากให้เอาเงินมาคืนตนด้วย”

สังคม

ส่วน น.ส.ชนกชนม์ เล่าว่า ตนเรียนจบชั้น ม.6 และยังไม่ได้เรียนต่อ พอดีมีชาวบ้านมาบอกว่า จะเดินทางไปทำงานโรงงานแอปเปิ้ล ที่ประเทศสวีเดน ต้องเสียค่าดำเนินการ 8 หมื่นบาท ซึ่งตนได้อยากไปทำงานมากกว่าเรียน จึงขอแม่ไปทำงาน โดยเอาสร้อยคอทองคำหนัก 2 บาทไปขาย เงินเก็บ และเงินแม่บางส่วน โอนผ่านบัญชี นางปราณี ไปให้ น.ส.ชุติญา เสร็จแล้วตนเดินทางไปพบ น.ส.ชุติญา เพื่อทำสัญญาจ้างงาน ซึ่งมีเพียงกระดาษ 3 แผ่น ให้ตนเซ็นชื่อแบบรีบเร่ง ทำให้ไม่ได้อ่านข้อความสัญญา เสร็จแล้วรีบเก็บ ซึ่ง น.ส.ชุติญา ก็นัดเดินทาง แต่ก็ผิดนัดถึง 3 ครั้ง

พอตนเข้าไปส่องเฟซบุ๊กของ น.ส.ชุติญา พบว่าเที่ยวกินแบบหรูหรา ใช้เงินฟุ่มเฟือยมาก จึงให้แม่โทรไปหา ซึ่ง น.ส.ชุติญา ก็ยอมรับกับแม่ตนว่า รับสมัครคนไปทำงานโรงงานในสวีเดนจริง แต่ตอนนี้ยังเดินทางไปไม่ได้ เพราะตรวจเอกสารยังไม่ผ่าน พอมีเงินเข้าบัญชีมากๆ ทำให้หลงตัวเอง ใช้จ่ายเงินจำนวนมากในการเที่ยวเตร่ จนเงินหมด ไม่มีเงินคืนให้คนสมัคร และยังท้าให้ไปแจ้งตำรวจ ส่วนตนโอนเงินผ่านบัญชีนางปราณี ซึ่ง น.ส.ชุติญา ก็บอกว่า นางปราณีก็โอนเงินมาให้ แต่ก็โอนค่าหัวกลับไปให้นางปราณีหัวละ 2 หมื่นบาท นั่นก็แสดงว่า นางปราณีก็อยู่ร่วมในขบวนการตุ๋นแรงงานด้วย

มีผู้เสียหายถูกลอยแพที่สนามบินสุวรรณภูมิ เดินทางไปแจ้งความที่ สน.ลาดกระบัง กทม. ก็พบว่ามีผู้เสียหายอยู่ทั่วประเทศ อุดรธานี ขอนแก่น ลำปาง พิษณุโลก อุบลราชธานี หนองบัวลำภู และอุทัยธานี นับร้อยราย ซึ่งตำรวจได้ยึดกระเป๋าถือ น.ส.ชุติญา ที่ถูกทิ้งไว้ในสนามบินสุวรรณภูมิ มาให้พวกตนดู พบหนังสือเดินทางของแรงงานจำนวนมาก ตนและแรงงานที่ถูกลอยแพ ได้ไปแจ้งความที่กองปราบ ซึ่งตำรวจได้แนะนำให้ตนมาแจ้งความที่โรงพักเกิดเหตุ ตนจึงเดินทางกลับมาแจ้งความที่ สภ.บ้านผือ ซึ่งในเขต อ.บ้านผือ น่าจะมีผู้เสียหายประมาณ 30 คน

“ฝากถึง น.ส.ชุติญา ว่า อยากได้เงินคืน เพราะเป็นเงินจากน้ำพักน้ำแรง ถ้านำเงินมาคืนก็จะไม่ติดใจเอาความ และฝากคนที่จะเดินทางไปทำงานต่างประเทศ ให้ตรวจสอบให้ดี สมัครกับจัดหางานจังหวัด ให้ไปอย่างถูกต้อง จะดีที่สุด”

ด้าน พ.ต.ท.บำรุง แนบชิดชัย รอง ผกก.สอบสวน สภ.บ้านผือ เปิดเผยว่า ขณะนี้มีผู้เสียหาย มาแจ้งความว่าถูก น.ส.ชุติญา หลอกไปทำงานประเทศสวีเดน แต่ไม่ได้ไปแล้ว 10 คน ซึ่งน่าจะมีผู้เสียหายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจะเข้าข่ายความผิดหลอกลวงประชาชน และจะได้ประสานไปยังจัดหางานจังหวัดอุดรธานี ให้ตรวจสอบว่า น.ส.ชุติญา มีใบอนุญาตจัดหางาน หรือไม่ เพื่อดำเนินการทางกฎหมาย ต่อไป

ติดตามข่าวสารต่างๆเพิ่มเติมได้ที่นี่ >>> บ.เทคทั่วโลกเลิกจ้างแล้วเกือบแสนตำแหน่ง ตั้งแต่ต้นปี 2022 เซ่นพิษ ศก. ไม่แน่นอน

บ.เทคทั่วโลกเลิกจ้างแล้วเกือบแสนตำแหน่ง ตั้งแต่ต้นปี 2022 เซ่นพิษ ศก. ไม่แน่นอน

ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีอย่างหนัก อันเป็นผลมาจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ

สังคม ข้อมูลล่าสุด (4 พ.ย.) จาก Layoff.fyi Tracker รายงานว่า นับตั้งแต่ต้นปี 2022 จนถึงปัจจุบันบริษัทด้านเทคโนโลยีตั้งแต่สตาร์ทอัพขนาดเล็กไปจนถึงบริษัทขนาดใหญ่มีการเลิกจ้างพนักงานรวมแล้วกว่า 99,251 ตำแหน่ง จาก 743 บริษัททั่วโลก โดยช่วงเวลาที่มีการเลิกจ้างมากที่สุดจะเป็นช่วงครึ่งปีหลังเป็นต้นมา

สังคม ภาวะเศรษฐกิจ

ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เหล่าบริษัทเทคโนโลยีต่างได้ขึ้นเป็นผู้นำเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สามารถช่วยยกระดับตลาดหุ้นได้ แม้ในวันที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลกหยุดชะงักจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่เมื่อไม่กี่สัปดาห์มานี้จากการรายงานผลประกอบการของบริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่ง สะท้อนให้เห็นถึงความอ่อนแอที่รับผลกระทบมาจากเศรษฐกิจโลก อัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่พุ่งสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทโซเชียลมีเดียที่ต้องเผชิญกับเม็ดเงินโฆษณาที่ลดน้อยถอยลงในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา

ผลกระทบที่เกิดขึ้นจะสังเกตได้ว่า Meta ได้มีการปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ และปรับลดจำนวนพนักงานลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มีการก่อตั้งบริษัทมาในปี 2004 ได้ชะลอการจ้างงานลงเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว

Alphabet บริษัทแม่ของ Google ก็ได้ประกาศว่าจะชะลอการจ้างงานตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลังเป็นต้นไป เพื่อรับมือกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่จะเกิดขึ้น

ขณะที่ Snapchat ก็ได้มีการเลิกจ้างพนักงานกว่า 20% ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ด้วยเหตุผลในแบบเดียวกัน

นอกจากนี้ยังมี Coinbase ที่แม้ว่าอาจจะมีความหวังจากความนิยมของนักลงทุนในการเข้าสู่อุตสาหกรรม Web3 แต่ต้องเบรกเมือตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลเข้าสู่ภาวะซบเซา ก็ได้ประกาศชะลอการจ้างงานและเลิกจ้างในเวลาเดียวกัน

ทั้งนี้ยังมี Big Tech อย่าง Amazon ได้ชะลอการจ้างงานเพิ่ม หลังจากเพิ่มจำนวนพนักงานเป็นสองเท่าในปี 2020 และ 2021 โดยรวมแล้ว บริษัทจ้างพนักงาน 1.5 ล้านคน ณ สิ้นไตรมาสที่สามปีนี้ เนื่องจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น พร้อมกับได้เตือนนักลงทุนว่ารายได้ของบริษัทอาจเติบโตช้าสุดในรอบสองทศวรรษ

ข่าวเเนะนำ ที่น่าสนใจ : ‘ไอคอนสยาม’ ผนึก ‘BMW’

เปิดโพสต์สุดท้าย สาวประธานบริษัท คาดเป็นศพถูกฆ่ายัดกระเป๋า

เปิดโพสต์สุดท้าย สาวประธานบริษัท คาดเป็นศพถูกฆ่ายัดกระเป๋า ลูกสาว 5 ขวบหายตัว

ความคืบหน้ากรณีพบศพหญิงสาว ถูกฆาตกรรมฆ่ายัดกระเป๋าเดินทางล้อลาก ลอยอืดบริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขงในเขตเทศบาลตำบลธาตุพนม อ.ธาตุพนม เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2565 ที่ผ่านมา ภายหลัง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ธาตุพนม รวมถึงเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ได้มีการตรวจสอบชันสูตรศพเบื้องต้น พบเป็นหญิง อายุ ประมาณ 25-30 ปี ความสูงประมาณ 160 เซนติเมตร ผิวขาว สวมเสื้อผ้าแบรนด์เนม เชื่อว่าพอมีฐานะ ถูกยัดกระเป๋าในสภาพนั่งก้มหน้าคุดคู้ ไม่มีเชือกมัดมือมัดเท้า พบบาดแผลบนใบหน้า ในสภาพขึ้นอืด ไม่สามารถดูรูปพรรณสัณฐานได้จากการตรวจสอบข้อมูล จากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ธาตุพนม ท้องที่เกิดเหตุ พบว่า มีญาตินักธุรกิจชาวลาว จากนครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว ติดต่อประสาน เพื่อเดินทางมาตรวจสอบรูปพรรณสัณฐาน รวมถึงผลชันสูตรศพผู้เสียชีวิต เชื่อว่าเป็นญาติที่สูญหายไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ยังรอการยืนยันตัวตน

ข่าวสังคม

โดยทางตำรวจมั่นใจว่า ผู้ตายเป็นหญิงชาวลาว อายุประมาณ 40 ปี ทราบชื่อคือ นางวิภาพร เป็นประธานบริษัทเอกชนรายใหญ่ ด้านธุรกิจก่อสร้าง ในนครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว ซึ่งญาติติดต่อแจ้งว่าสูญหาย และรอเดินทางมายืนยันตัวตน

นอกจากนี้ยังพบรถยนต์เบนซ์ของผู้ตายถูกทิ้งลงน้ำโขง เป็นเบาะแสข้อมูลเชื่อว่าเหตุเกิดในพื้นที่ สปป.ลาว นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า ลูกสาวอายุ 5 ขวบของผู้ตาย ยังคงหายตัวไป ยังหาไม่พบพ.ต.อ.ถวิล คำเกษ ผกก.สภ.ธาตุพนม เปิดเผยว่า หลังส่งศพไปชันสูตรที่สถาบันนิติเวช จ.ขอนแก่น ผลชันสูตรการถูกทำร้ายพบว่า มีบาดแผลถูกทุบตีด้วยของแข็งบริเวณใบหน้า นอกจากนี้ยังมีร่องรอยถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาด กระสุนไม่ทราบขนาดฝังอยู่บริเวณศีรษะ 2 นัด จากการสอบสวนเชิงลึกพบว่า ถูกฆาตกรรมมาจากประเทศเพื่อนบ้าน นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาวส่วนสาเหตุปมการฆาตกรรม ยังไม่รู้ที่มา เนื่องจากทางตำรวจไทยไม่มีอำนาจการสอบสวนระหว่างประเทศ และยังรอผลการตรวจดีเอ็นเออีกรอบ ที่ส่งตรวจละเอียดที่สถาบันนิติเวช กทม.ทางพนักงานสอบสวน มีอำนาจหน้าที่ในการยืนยันตำหนิรูปพรรณกับญาติ โดยมั่นใจว่าผู้เสียชีวิตเป็นคนเดียวกันกับผู้ที่ญาติระบุสูญหาย หากญาติมายืนยันติดต่อรับศพทางตำรวจจะได้ส่งมอบตามขั้นตอน และมอบให้ทางการลาว ดำเนินตามขั้นตอนต่อไป ไม่มีอำนาจในการสอบสวนปมฆาตกรรมขณะที่ในเฟซบุ๊กส่วนตัวของสาวประธานบริษัท ที่คาดว่าจะเป็นผู้ตายนั้น จากการตรวจสอบพบว่า โพสต์สุดท้ายถูกโพสต์ไว้เมื่อวันที่ 4 กันยายน โดยข้อความเขียนเป็นภาษาไทยระบุว่า

ระวัง ! “คนชั่ว” ที่ปลอมตัวเข้ามาตีสนิททำเหมือน “เพื่อน” แต่ “ไม่ใช่เพื่อน”
ทำเป็น “รัก” แต่ “ไม่ได้รัก”ในวันที่หาประโยชน์จากเราได้
คนพวกนี้จะดีกับเรามากแต่เมื่อไหร่ที่เราต้องการความช่วยเหลือ คนพวกนี้จะหายหัวทันที
บางคน …สะกดคำว่า “จริงใจ” ไม่เป็น
ตอแหล หลอกลวง ตลบแตลง เห็นแก่ตัวทำได้ทุกอย่างเพื่อความอยู่รอด
จะเรียกใครว่า “เพื่อน”ดูให้นาน มองให้ขาด
…อย่าเพิ่งรีบให้ใจ
บางครั้ง …ความใจดี ความโลกสวย คือ “โอกาส” ในสายตา “คนชั่ว”
“ใจแลกใจ” ใช้ไม่ได้ กับทุกคนกว่าจะรู้ เราอาจต้องสูญเสียทุกอย่าง
เพราะ “งูพิษ” กับ “มิตรปลอม” แว้งกัดเราได้ … ไม่ต่างกัน !